เมื่อพูดถึงการออกแบบภายใน การทาสีใหม่สามารถเปลี่ยนพื้นที่ได้ทันที การเลือกสีที่เหมาะสมถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการสร้างสภาพแวดล้อมที่กลมกลืนและน่าดึงดูดใจ ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เทรนด์สีทาภายในได้พัฒนาไปเพื่อสะท้อนถึงความชอบและสไตล์ที่เปลี่ยนแปลงไป ในปีนี้ เทรนด์สีทาบ้านที่น่าตื่นเต้นหลายอย่างได้เกิดขึ้น เปิดโอกาสให้เจ้าของบ้านและนักตกแต่งได้มีโอกาสใหม่ๆ ในการฟื้นฟูพื้นที่ของตน
1. สีเอิร์ธโทน
หนึ่งในเทรนด์สีทาภายในที่โดดเด่นที่สุดในปีปัจจุบันคือการใช้สีเอิร์ธโทน สีเหล่านี้ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติสามารถสร้างบรรยากาศที่สงบและเงียบสงบในทุกห้อง เฉดสีต่างๆ เช่น ดินเผา ทราย สีเขียวมะกอก และสีน้ำเงินเข้ม ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างความรู้สึกถึงบรรยากาศภายนอกภายใน สีเอิร์ธโทนมีความหลากหลายและสามารถจับคู่กับพื้นผิวและวัสดุที่หลากหลายเพื่อสร้างพื้นที่ที่อบอุ่นและน่าดึงดูด
2. เฉดสีมู้ดดี้
เทรนด์ยอดนิยมอีกประการหนึ่งของสีทาภายในสำหรับปีนี้คือการใช้เฉดสีที่มีอารมณ์แปรปรวน มีการใช้สีที่เข้มและเข้มข้น เช่น สีเทาชาร์โคล สีน้ำเงินกรมท่า และสีเขียวฟอเรสต์ เพื่อเพิ่มความดราม่าและความซับซ้อนให้กับการตกแต่งภายใน สีเหล่านี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการสร้างบรรยากาศอบอุ่นและเป็นกันเอง โดยเฉพาะในห้องนอนและห้องนั่งเล่น เมื่อจับคู่กับแสงไฟและเฟอร์นิเจอร์ที่เหมาะสม เฉดสีอารมณ์จะสามารถสร้างบรรยากาศที่หรูหราและน่าดึงดูดใจได้
3. สีกลางโทนอุ่น
สีกลางโทนอุ่น เช่น สีขาวครีม สีเบจอ่อน และสีเทาอบอุ่น ยังคงเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับสีทาภายใน เฉดสีอเนกประสงค์เหล่านี้มอบฉากหลังคลาสสิกเหนือกาลเวลาสำหรับสไตล์การตกแต่งภายในใดๆ สีกลางโทนอุ่นได้รับความนิยมเป็นพิเศษในพื้นที่ที่มีแนวคิดเปิดกว้าง เนื่องจากสามารถสร้างรูปลักษณ์ที่กลมกลืนทั่วทั้งบ้านได้ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่เป็นรากฐานที่ยอดเยี่ยมสำหรับการซ้อนสีที่โดดเด่นยิ่งขึ้นผ่านงานศิลปะ สิ่งทอ และการตกแต่ง
4. สำเนียงตัวหนา
แม้ว่าโทนสีที่เป็นกลางและสีเอิร์ธโทนจะครองเทรนด์สีทาภายในในปัจจุบัน แต่สีเน้นที่เด่นชัดก็โดดเด่นเช่นกัน มีการใช้เฉดสีเขียวมรกต เหลืองมัสตาร์ด และปะการังที่มีชีวิตชีวาเพื่อเพิ่มสีสันและบุคลิกภาพให้กับการตกแต่งภายใน ไม่ว่าจะใช้กับผนังเน้นเสียง เฟอร์นิเจอร์ หรือเครื่องประดับ สีจัดจ้านเหล่านี้สามารถเติมพลังและความมีชีวิตชีวาให้กับพื้นที่ สร้างจุดโฟกัสและความน่าสนใจทางภาพ
5. สีไบโอฟิลิก
Biophilia แนวคิดเรื่องการเชื่อมโยงกับธรรมชาติภายในสภาพแวดล้อมที่สร้างขึ้น มีอิทธิพลต่อเทรนด์สีภายในด้วยเช่นกัน สีชีวภาพ เช่น สีเขียวอ่อน สีฟ้าหม่น และเฉดสีที่ได้รับแรงบันดาลใจจากพฤกษศาสตร์ ถูกนำมาใช้เพื่อปลุกความรู้สึกสงบและความเป็นอยู่ที่ดี สีเหล่านี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการสร้างพื้นที่ที่กลมกลืนและสมดุล ส่งเสริมความผ่อนคลายและเชื่อมโยงกับโลกธรรมชาติ
6. เทคนิคการวาดภาพ
การจับคู่เทรนด์สีทาภายในล่าสุดกับเทคนิคการทาสีขั้นสูงสามารถช่วยเพิ่มผลกระทบต่อการมองเห็นของพื้นที่ได้ มีเทคนิคมากมายที่สามารถยกระดับการออกแบบห้องได้ตั้งแต่การบล็อคสีและเอฟเฟ็กต์ออมเบรไปจนถึงการตกแต่งพื้นผิวและจิตรกรรมฝาผนัง ตัวอย่างเช่น การล้างสีซึ่งเกี่ยวข้องกับการทาชั้นสีโปร่งแสงทับสีรองพื้น สามารถสร้างพื้นผิวที่นุ่มนวลและเป็นรอยด่าง เพิ่มความลึกและมิติให้กับผนัง นอกจากนี้ ลวดลายเรขาคณิตและการออกแบบยังถูกนำมาใช้เพื่อสร้างความน่าสนใจทางสายตาและสุนทรียศาสตร์สมัยใหม่
7. ตกแต่งด้วยสี
การรวมเทรนด์สีของสีทาภายในเข้ากับแผนการตกแต่งโดยรวมถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการบรรลุรูปลักษณ์ที่เหนียวแน่นและมีสไตล์ เมื่อเลือกสีทา ให้พิจารณาเฟอร์นิเจอร์ การตกแต่ง และองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรมที่มีอยู่ในพื้นที่ ตัวอย่างเช่น การใช้สีคู่กันหรือโทนสีที่คล้ายคลึงกันสามารถสร้างสภาพแวดล้อมที่กลมกลืนและสมดุลได้ นอกจากนี้ การนำเทคนิคการวาดภาพตกแต่ง เช่น การพิมพ์ลายฉลุ การตกแต่งแบบปลอม และศิลปะบนฝาผนัง สามารถเพิ่มบุคลิกภาพและความเป็นเอกลักษณ์ให้กับการตกแต่งได้
โดยรวมแล้ว การอัปเดตเทรนด์และเทคนิคสีทาภายในล่าสุดเป็นโอกาสในการฟื้นฟูและฟื้นฟูพื้นที่อยู่อาศัย ด้วยการผสมผสานเทรนด์สีในปัจจุบัน การทดลองด้วยเทคนิคการทาสีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ และการบูรณาการสีเข้ากับกระบวนการตกแต่ง เจ้าของบ้านและมัณฑนากรสามารถสร้างการตกแต่งภายในที่เป็นส่วนตัวและโดดเด่นทางสายตา ซึ่งสะท้อนถึงสไตล์และรสนิยมที่เป็นเอกลักษณ์ของพวกเขา